ข้อควรระวัง !
ในการติดตั้งหลังคาเมทัลชีท"
หลังคาเมทัลชีทนับว่าเป็นหลังคา
ที่มีปัญหารั่วซึมน้อยที่สุดเพราะหลังคาเหล็กเมทัลชีท
จะมีความยาวต่อเนื่อง ตั้งแต่แผ่นจากสันจั่วไปจนถึงชายคา
ถึงแม้ว่าข้อดีจะมีมาก แต่หากติดตั้งไม่ถูกวิธี
ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นอาจสร้างความเสียหาย
ทั้งในเรื่องเงินทุน ระยะเวลาในการแก้ไข
และสร้างความหงุดหงิดใจโดยใช่เหตุ
เรามาดูกันว่า "ข้อควรระวังในงานติดตั้งหลังคาเหล็กเมทัลชีท" มีอะไรบ้าง เพื่อให้คุณสามารถสังเกตและป้องกันปัญหาอันไม่พึงประสงค์ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
ความลาดเอียงของหลังคาควรมากกว่า 5 องศา
(หลังคาดี ต้องไม่มีน้ำไหลย้อนกลับ)
การใช้งานแผ่นเมทัลชีทแบบลอนมาตรฐาน ควรมีความลาดเอียงอย่างน้อย 5 องศา และควรมีความลาดเอียงเพิ่มขึ้นหากหลังคาที่ติดตั้งมีความยาวมาก หรือ เป็นเขตที่มีปริมาณน้ำฝนมากกว่าปกติหากเป็นทรงหลังคาจั่ว ทรงปั้นหยา หรือหลังคาบ้านทั่วไปจะไม่ค่อยพบปัญหานี้ เนื่องจากมีความลาดเอียงของหลังคาเกิน 20 องศาถ้าเป็นบ้านสมัยใหม่ หรือ อาคารขนาดใหญ่ที่ใช้หลังคาประเภท Single Slope หรือ Double Slope แนะนำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจสอบความลาดเอียงให้เหมาะสมหากน้ำระบายไม่ทัน อาจทำให้สิ่งของที่อยู่ด้านล่างเกิดความเสียหายได้
การระบายน้ำบนหลังคาเหล็กเมทัลชีท
(ปล่อยให้น้ำไหลไป อย่าให้มีอะไรขวาง)
เพราะหลังคาเมทัลชีทสามารถทำองศาได้ต่ำมาก ๆ ถึง 5 องศา เรียกได้ว่าเกือบจะเป็นแนวระนาบได้เลยแต่ลอนหลังคาบางประเภทอาจต้องใช้ความลาดเอียงเพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถระบายน้ำได้ทัน ไม่ล้นเกินความสูงของสันลอนเพื่อให้แน่ใจว่าหลังคาติดตั้งมาอย่างถูกต้อง การตรวจเช็กการระบายน้ำบนหลังคาจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งโดยต้องทดสอบให้แน่ใจว่าน้ำฝนจะสามารถไหลลงสู่ด้านล่างได้อย่างสะดวก และไม่รั่วซึมลงไปในอาคารก่อนทำฝ้าเพดาน ท่านอาจทำการฉีดน้ำบนหลังคาเพื่อทดสอบการระบายน้ำว่ามีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด วิธีนี้จะช่วยให้ท่านมั่นใจได้ว่า หลังคาเมทัลชีทจะไม่รั่วซึมจนก่อให้เกิดความรำคาญใจ
ระยะแปที่เหมาะสม
(ระยะแปที่ดีต้องไม่ “ตกท้องช้าง”)
ระยะแปที่เหมาะสมจะได้จากการคำนวณน้ำหนักต่อตารางเมตรของแผ่น โดยจะต้องมีความเหมาะสม
กับความหนาของแผ่นหลังคาเมทัลชีทด้วยปัญหานี้มักพบบ่อยในงานต่อเติม โดยเฉพาะหลังคาโรงจอดรถ ที่มักจะนิยมออกแบบไม่ให้มีเสาคั่นกลางเพราะยิ่งหลังคามีความกว้างและมีเสาไม่มาก ระยะแปยิ่งต้องมีความถี่มากกว่าปกติ และต้องทำให้โครงสร้างมีความแข็งแรงมากขึ้นเพราะหากขนาดแปเล็ก ระยะแปห่างมาก แต่แผ่นหลังคามีความหนาน้อยไม่สมสัดส่วน จะทำให้เกิดการแอ่นตัวหรือที่ช่างทั่วไปเรียกกันว่า “ตกท้องช้าง” นั่นเองการ "ตกท้องช้าง" สังเกตเบื้องต้นได้ จากการมองด้วยสายตา ที่จะเห็นว่าหลังคาแอ่นลงคล้าย หลุมขนมครก
ระมัดระวังเศษเหล็กจากการตัดด้วย
เครื่องตัดไฟเบอร์
ทั้งนี้รวมถึงผงเหล็กจากการเจาะสกรู แท่งเหล็กโครงสร้าง
ลวดเหล็ก และเศษเหล็กต่าง ๆ จากการติดตั้งหากไม่ทำความสะอาด แม้จะปล่อยทิ้งไว้เพียง 1 คืน ก็สามารถเป็นสนิมและลามไปยังส่วนอื่นๆได้
ยึดหลังคาด้วยสกรูที่ได้มาตรฐาน
(40% ของหลังคารั่วที่หัวสกรู)
หลังคาเมทัลชีทมี 2 ระบบ คือแบบยึดด้วยสกรู
(Bolt System) และ แบบยึดด้วยการกดล็อค (Boltless System)ส่วนมาก 80% ที่ใช้งานเป็นแบบสกรู นี่คือจุดตายที่มักไม่มีใครยอมบอกสกรูมีทั้งแบบที่ได้มาตรฐานและมีการรับประกัน และสกรูทั่วไปราคาตัวละไม่ถึง 1 บาท แต่ผลลัพธ์ที่ได้แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว เพราะสกรูที่ไม่ได้มาตรฐานจะเป็นสนิมในเวลาอันรวดเร็ว และจะทำให้รูเจาะเกิดสนิมเป็นรูรั่วทำให้หลังคาเกิดความเสียหายเร็วกว่าอายุการใช้งานมาตรฐานของแผ่นหลังคาเมทัลชีทเพราะฉะนั้น เมื่อตัดสินใจเลือกใช้เมทัลชีทเพื่อผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว การ เลือกสกรูที่ ได้มาตรฐานก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน
การเจาะยึดหลังคาควรทำโดยผู้ชำนาญการ
(ขันสกรูแน่นแต่พอดี อย่าให้ยางรองหลุด)
ต่อให้สกรูดีมีมาตรฐาน แต่หากเจาะยึดแน่นเกินไป ก็สามารถทำให้เกิดรูรั่วขึ้นได้เหมือนกันสกรูยึดหลังคาเมทัลชีทแต่ละตัวจะมีแหวนยางรองกันน้ำอยู่ 1 วง หากมีการขันจนแน่นเกินไปจะทำให้ยางรองปลิ้นหลุดออกมา หรือร้ายกว่านั้นคือขันแน่นจนยางขาด ซึ่งจะกลายเป็นจุดอ่อนของหลังคาในระยะยาวทางแก้ไขก็คือ ให้ขันออกแล้วเปลี่ยนยางวงใหม่แทน และขันแน่นพอดี ๆ แค่ตึงมือก็พอท่านสามารถตรวจสอบการเจาะเบื้องต้นด้วยการเดินดูว่ามีแสงลอดลงมาตรงไหนบ้างเพื่อทำการแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนปิดงานข้อสำคัญคือ ควรเลือกสกรูคุณภาพดีเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นสนิมในอนาคต
วัสดุหลังคาต้องได้มาตรฐาน
(หลังคาดีต้องมีรับประกัน)
การประหยัดงบก่อสร้างเป็นสิ่งที่ทุกโครงการปรารถนา และหากมีตัวเลือกที่ราคาย่อมเยากว่าแต่ยังคงรักษามาตรฐานงานที่ดี ก็นับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมาก ๆปัจจุบันนี้คุณสามารถเลือกวัสดุหลังคาที่เหมาะสมกับงบประมาณงานก่อสร้างได้ง่ายดายยิ่งขึ้นแต่อย่างไรก็ตาม วัสดุที่ใช้จำเป็นต้องมีมาตรฐานในระดับหนึ่งและเหมาะสมกับงานประเภทนั้น ๆเช่น งานหลังคาหลักของบ้าน แนะนำให้เลือกความหนาเมทัลชีท 0.35 มิลลิเมตร เพราะหากมีความหนาน้อยกว่านี้จะไม่เหมาะกับงานหลังคาบ้าน แต่จะเหมาะกับงานรั้วหรืองานทั่วไป ที่ไม่ต้องการความทนทานมากนักนอกจากความหนา ของหลังคาเมทัลชีทแล้ว ควรตรวจดูว่าเมทัลชีทนั้นผ่านการ รับรองมาตรฐาน มอก. หรือมีการรับประกันคุณภาพหรือไม่ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าหลังคาเมทัลชีทที่ใช้จะสามารถทำหน้าที่ ปกป้องบ้านของเราไปได้ยาวนานโดยไม่สร้างความปวดเศียร เวียนเกล้าให้กับเราในอนาคต
Comments